บ่น บ่น บ่น วันฝนตก

Rain

วันอาทิตย์ฝนตกแต่เช้า ไปไหนไม่ได้ ได้ฤกษ์มาบ่นๆถึงทริปกากๆครั้งนี้ (ป้าหมู เพื่อนเชฟหมี) เป็นการรายงานตัวให้ที่บ้านทราบ

ก็เป็นที่รู้กันตั้งแต่ป้าบ่นคราวที่แล้ว ว่าการมาขายแรงงานเป็นฉันทนาของป้าครั้งนี้ ป้ามาแบบไม่มีวีซ่า เอกสารทำ work permit ก็ยังไม่ครบ ขนย้ายของไม่ได้และโรงแรมไม่คอนเฟิร์มแม้ว่าอีก ๑๒ ชั่วโมงป้าจะบินอยู่แล้ว โรงงานไม่ส่งคนมารับชัวร์ แถมขอเบอร์ติดต่อฝ่ายบุคคลเผื่อฉุกเฉินเขาก็ไม่ให้ (แต่หลังจากจิกถามไปสามวันติด ห้าโมงเย็นคืนก่อนบินเขาก็เส ส่งเบอร์รีเซปชั่นนิสต์ที่โรงงานมาให้ too late (ในภาษาไทย) มากๆ)

เช้าวันบิน ตีห้ากว่าๆตาอ้วนมารับไปส่งสนามบิน

ฝนตก อากาศอึนๆ ยังอึไม่ค่อยจะสุดดีแต่ก็รีบแต่งตัวไปสนามบิน เช็คอินไวๆ เผื่อกระเป๋าอันหนักอึ้งจะได้ไม่โดน charge หุหุ งกจริงๆ เหลือเวลาค่อยมาอุนจิที่สนามบินราคาหลายหมื่นล้าน

ดอกที่ ๑ ฉิวเฉียด

 frontwheeldriveoversteer1 408654031

ระหว่างที่ขับรถมา ก็ให้เจอกับพี่รถทะเบียนเขียวคันหนึ่งเร่งรีบมาก ขับจี้จะแซงซ้าย ตรงนั้นใกล้เข้าโค้งแล้ว ตาอ้วนก็บ่นๆว่าจะรีบอะไรนักหนาแล้วก็หลบให้เขาไป ยังไม่ขาดทำบ่น รถคุณพี่ก็เสียหลักตอนเข้าโค้ง ตูดสาดรถหมุน จนหันหน้ากลับมาทางรถเรา ดีที่เป็นตาอ้วนขับและไม่มีรถคันอื่นตามหลังกระชั้นชิด ไม่งั้นเสียเวลาน่าดู

๕.๔๕ น สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต

เข้ามาใน terminal ได้สายตาก็พลันไปเจอะกับหาง Anaconda ตัวโตราวร้อยคนเรียง ต่อคิวจาก counter check in TG อุ แม่ เจ้า ป้าอยู่หางงูทบที่ ๖ แล้วเมื่อไหร่ช้านจะได้ไป อี้ เนี่ย ต่อคิวจน หกโมงกว่าด้วยความหงุดหงิดกรุ๊ปทัวร์ที่เดี๋ยวก็เอาคนนั้นคนนี้มาแทรก ด่าแล้วก็ทำเฉยclip_image003

ดอกที่ ๒  TG “ คุณคะ ตั๋วone way ไม่มีvisa นี่ ทางเราไม่สามารถอนุญาตให้ขึ้นเครื่องได้ค่ะ”

นั่นไง ตรูว่าแล้วไง เซ็งฝ่ายบุคคลโคตรๆ

clip_image004ไหนหล่อนบอกว่าทำเคสมาเป็นร้อยเขาไม่ซิวฉันไงยะ โดนตั้งกะเช็คอินเลย

คือแถวมันก็ยาวเราก็เกรงใจ แต่เราก็รื้อค้นสัญญาจ้างงานมายัน (ซึ่งจริงๆมันก็ไม่ถูกหรอก) พอคิวชักไม่เคลื่อน คุณเจ้าหน้าที่การบินไทยอ่อนใจก็เลยให้บินพร้อมเตือนว่าถ้าถูกส่งกลับก็…นะ ขอให้เข้าใจ เห้อ

๖ โมงกว่าๆ หลุดมาได้รีบบึ่งไปต่อคิวต.ม.

ดอกที่ ๓ จะตกเครื่อง

lg_airport-lines-of-peopletif

คือหัวคิวอยู่แถว Gate D หางแถวนี่จะยันสุด terminal เริ่มพาดไปแถวขวางแล้ว

clip_image005

ว๊าก คิวอะไรของพี่คะเนี่ย

ระหว่างนั้นตังค์ก็ต้องแลกเพิ่ม ใบเสร็จก็ต้องไปเอา

ตาอ้วนก็วิ่งไปดูให้ว่ามีแถวเฉพาะคนไทย ตาสีตาสา ป้าที่กำลังจะตกเครื่องต่อแล้วมันได้เข้า Gate มั่งไหม ปรากฏว่ามีแถว Passport ไทยค่ะคุณผู้ชม ย่นจาก Anaconda ตัวใหญ่ยักษ์มาเหลือประมาณ ๔-๕๐ คิว แต่ขอโทษเหอะ ก็ไม่ขยับเหมือนกัน

๗ โมงเศษๆ

อีป้ายังเป็นคิวที่ ๒๐ ทุกคนเริ่มกระวนกระวาย พี่ข้างหน้า flight 7:30 ของป้า 7:45 ส่วนข้างหลัง 7:05 คือเล็งแล้วว่าตรู delay กันทั้งสนามบินนี่แหละ นอกจากจะช้าแล้วก็ยังมีพวกตีมึนเดินๆทำเป็นถาม “แถวนี้ Passport ไทยหรือเปล่าๆ” แล้วจูงสามี/ภรรยาต่างชาติแทรกแถวซะงั้น

clip_image006แหม มันน่านัก ถ้าอยู่แถวป้าจะด่าให้เละ นี่ขนาดเราทักว่า คุณคะตรงนี้ต่อคิวหมดทุกคนเขาก็หันมามองกันเฉยๆ (รวมถึงคนอื่นๆในแถวด้วย ไรฟะ ไม่มีใครรีบนอกจากตรูหรืออะไร)

ส่วนคนดีก็ดีเกิ้น คุณดอกเตอร์ข้างหลัง flight 7:00 พอมันจะเจ็ดครึ่งเราก็บอกแกว่า คุณไปหน้าสุดเลยบอกเขาว่าผมจะตกเครื่องแล้ว ไม่เป็นไรหรอก คนไทยด้วยกัน แต่คุณดอกเตอร์ก็ว่าไม่เป็นไรครับผมเกรงใจ เห้อ โลกเรามันช่างไม่ balance

.๕๐ ต.ม. ไทย

clip_image007ต่อถึงคิวจนได้ ตุ๊มๆต่อมๆ จะโดนอีกไหม แต่เป็นความโชคดีที่ป้าเบ๊อะ เขียนบัตรขาเข้า ขาออกไม่เป็น เอา Flight ขาไปไปกรอกขากลับ เลยดูเหมือนเรามีตั๋วกลับแล้ว การไม่มีวีซ่าเลยไม่โดน

(โดนแต่คุณ ต.ม.แซวว่าขากลับมันใช่ 550 ที่ไหนจ้ะแม่คู้ณ 555 รอดไปอีกด่าน

หลุด stamp มาได้ก็มาจุด X-ray คือคนมันรีบเลยพาลหงุดหงิด เครื่อง X-ray ตั้งแพง

clip_image008ทำไมต้องให้รื้อ laptop แยกออกมาฟระเนี่ย

กว่าจะเก็บสัมภาระคืน ๘.๐๕ เจี๊ยก อีป้าแย่แล้ว เครื่องตรู ๗.๔๕

clip_image009

ทั้งป้าและพี่คนข้างหน้ารีบหอบสัมภาระใส่ตีนหมาวิ่งกันแบบ Bourne Ultimatum อายอ่ะ

b 5706534-close-up-of-an-airport-gate-sign

เอ่อ เป็นครั้งที่สองที่รู้สึกว่า การเป็นกรรมกรร่างกายบึกบึนนี่มีประโยชน์หลายหลากจริงๆ กระเป๋า Laptop หนัก ๗โล กับ hand carryอีกหนึ่งใบเกือบ๗เช่นกัน ป้าก็ยังวิ่งกันได้

แต่ เวรของกรรม Gate E10 นี่ แม่คุณ สุด Bay เลย ดีที่ตาอ้วนบอกทางไว้ก่อนว่า ขวาซ้ายขวานะเจ๊ วิ่งแบบไม่มองใดๆทั้งสิ้น

ทางเลื่อนสุดท้ายท้าย Bay... ป้าย TG550 พลิกกับมาเป็นคำว่า gate CLOSED ต่อหน้าต่อตา clip_image010

ทั้งป้าและี่พี่ผู้ชายอีกคนแทบจะโยนของลงมาดักไม่ให้แอร์ปิด counter เดินเข้าเครื่องไปก่อน ประมาณว่ารอตรูด้วยวิ่งมาแล้วโว้ย!!!!!!!! โคตะระเมื่อยส้งติงอ่ะ

ตูดแปะบนเครื่องได้ .๑๐ น. ขออำภัยท่านผู้โดยสารท่านอื่่นที่อิฉันทำให้เครื่องล่าช้าด้วยจริงๆ

ช้าขนาดนี้ อีป้า ไม่ใช่คนสุดท้ายนะคร้า มีช้ากว่าฉันอีก กลุ่มสุดท้ายวิ่งขึ้นเครื่องมาได้ .๕๐ น. กัปตันรีบออกไมค์ Cabin Crew, arm the door ถอยออกแบบฉับพลันทันใด

555 ได้บินแล้วเฟร้ย สรุปว่า Delay ไปหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ

๙.๕๐ น บินผ่านไซ่ง่อน เหมือนไปเชียงใหม่จะไกลกว่ายังไงชอบกล บินชั่วโมงเดียว+ tail wind อัดตูดมา 35mph ก็ถึง กลับลำเล็กน้อย landing ได้ ๑๐.๑๕

ดอกที่ ๔ ต.ม. ต.ม. ต.ม.

อันนี้ก็เป็นที่รู้กัน คำถามเดิมๆ

ยูมาไร ทำไมซื้อตั๋วเที่ยวเดียว แล้ววีซ่าไปไหน โรงงานไม่ทำให้ทำไมไม่ยื่น On Arrival เอง

ฮ่วย ป้าก็แถๆไถๆ ไถๆแบ๊ะๆ จนหลุดออกมาได้ด้วยความรำคาญของเจ้าหน้าที่

clip_image011

ตอนนั้นมันก็ ๑๐ โมงกว่าเข้าไปแล้วฝนก็ตก ทั้งปวดอี้ ทั้งหิวข้าว คว้ากระเป๋าจากสายพานได้ รีบบึ่งลากกระเป๋าทำเนียนๆ เดินผ่านช่องไม่ต้องสำแดง (์No Declare) ออกมาอย่างไว

P1020422 1503710637_e1b064db09_o

แต่ขอโทษเถอะ เจ้าหน้าที่เครื่อง X-ray เวียดนามนี่ชำนาญการมาก ขนาดป้าแอบเสียบ CD ให้มันแนบไปกับก้นกะเป๋า (กะเวลาวางจะเห็นเป็นเส้นๆในแนวตั้ง) แล้วคนก็เยอะ กระเป๋าก็ไหลไว ของอะไรก็กองๆ ยั๊ง ลากกระเป๋าป้าออกมา บอกขอตรวจ CD ในกระเป๋าหน่อย (เห็นนะ)

แน๊ะ เห็นอีก คนอุตส่าห์ซ่อน

clip_image012

แล้วไอ้ซีรี่เจ้ากรรม มั๊นก็หน้าปกเป็นเด็กสาวใส่ชุดนักเรียนมีพาดหัวภาษาญี่ปุ่นไง คุณเจ้าหน้าที่เขาก็

M’am, please unpack for content check.

ป้าก็รีบกุลีกุจอแกะให้ ทำท่าทางเต็มใจ

“officer, please you check.”

คือ หนังโป๊ น่ะป้าเซฟในคอมไว้เฟร้ย ไอ้ซีดีนี่ซีรี่ส์จริง เช็คเห๊อะ ตามบายจ้ะึคู้ณ เหอๆๆ

clip_image013

คุณเจ้าหน้าที่เขาก็ ดูๆและหันมามองหน้าถามว่า “Japanese?” คือไม่รู้ว่าเขาถามว่าเราน่ะ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเหรอ หรือว่าถามว่า ไอ้ซีรี่ส์เนี่ย ญี่ปุ่นหรือเปล่า (คงไม่ใช่แบบหลังเพราะมันก็เห็นเป็นภาษาญี่ปุ่นอยู่โต้งๆ) ป้าก็พาซื่อตอบแบบกลมๆไปว่า “ Hai, Japanese” ตีมึน ถ้าเขาขอดูพาสปอร์ตค่อยบอกว่านึกว่าเขาถามว่าซีรี่ส์อะไร

คือพอบอกว่า Japanese เขาก็ปล่อยเลยอ่ะ ทั้งๆที่มีซีดีในมืืออีกตั้งเยอะไม่เอาขึ้นมาให้ดู ดีจริงๆ

หลุดมาเท่่านั้น ป้าก็รีบแจ้นแล้ว มันจะ ๑๑ โมงอยู่แ้ล้ว ฝนก็ตกกลัวรถโรงแรมไม่รอ

นอกสนามบินคนเยอะมากปานม๊อบปิดสุวรรณภูมิก็ไม่ปาน

ไอ้ ออฟฟิซเราก็ไม่ส่งคนมารับ ให้ป้าเสียค่ารถโรงแรมเอง โคตรใจแคบ

ป้าก็ ไหนไหนก็ไหนไหน จองแมร่งเมอร์ซีเดสเลย ชาตินี้ไม่มีปัญญาซื้อเอง

ที่นี่ขับพวงมาลัยซ้าย รถขับดาหน้ากันมาเต็มทุกเลน พอมีรถสวนพี่ก็ชิดขวาที เรานั่งแล้วเลยเสียวๆ มันไม่ชิน

คิดในใจว่าเฮ้ยๆ หลบซ้ายดิ คือเขาถูกแล้วไง หลบต้องชิดขวา

clip_image015

ดอกที่ ๕ ทำไมถึงรังเกียจหญิง

๑๑.๔๕ น มาถึง Front โรงแรม เซ็นใบเช็คอินก็ให้ช้ำใจ คอร์เปอเรทเรทบ้าอะไรแพงกว่าวอล์คอินเรทฟระ

เท้าความหน่อย ฝ่ายบุคคลจองโรงแรมห้องเปล่าๆให้ในราคา ๙๘++ เหรียญต่อคืน ไม่ได้ไรเลยแม้แต่ เนตก็ต้องชั่วโมงละ ๒.๕ เหรียญ รถไปรับ ๔๕++

ป้าจองผ่านเนตแบบ นางมา ณ หนองหอย เนี่ยได้ราคา ๘๘ เหรียญ เน็ตฟรี ไปรับไปส่งที่สนามบินฟรี ค่ากิน ค่าซักผ้าลด ๓๐ เปอร์เซ็นต์

แต่ชีไม่ให้ทำไง โทษฐานว่าเราไม่ “เรสเปค คอมปานี โพลิซี. ทุกคนเค้าก็อยู่แบบนี้ แสตนดาร์ด โพลิซี. วี แคนนอท ซาย นิว คอนแทรค สเปเชี่ยลลี้ ฟอร์ ยู”

clip_image016

โธ่ พี่ คนสมัครงานใหม่ใครจะไปรู้ระเบียบภายในบริษัทคุณ อิฉันก็รู้แค่ที่คุณเขียนให้ในสัญญาจ้างว่าค่าโรงแรมไม่เกินเท่านั้นเท่านี้

เราก็ไม่ได้ให้เซ็นอะไร แค่ถามว่า ต้องจองห้องคอร์เปอร์เรทเรทเหรอ ถ้าเราจองเป็นคนนอกได้ไหม มันถูกกว่าตั้งเยอะ

เราออกก่อนแล้วเอาบิลมาเบิก ไม่โกงหรอก ก็ยังไม่ยอม ไม่ได้คิดจะเอาอะไรเลยนะ แค่รู้สึกมันมีวิธีใช้งบบริษัทให้ดีกว่านี้เห็นๆ ก็ไม่ได้

เอาก็เอา

ห้องโรงแรมประมาณนี้ โคตรแพง ๓๑ คืนยังคิดคืนละ ๑๑๕ เหรียญ ถึงว่าโรงแรมไทยเซอร์วิสไทย ยังไงก็ดีกว่าจริงๆ

clip_image018 clip_image020

มีกล้วยอ้อยให้กินตามสมควร รสชาติสู้ผลไม้ไทยไม่ได้ เปรี้ยวแบบนี้แถวบ้านเอาไว้ถมที่ พราลีนครีม ก็ งั้นๆ

clip_image022 clip_image024

ชาลิปตัน เวลากินต้องมีท่า ฮาดี ผ่อนคลาย

clip_image026

พอเข้าโรงแรมได้ก็ต้องเช็คว่าขึ้นรถไปโรงงานตรงไหน เพราะพอเราถามเขาก็แค่บอกประโยคเดียวว่าที่โรงแรม ให้กระโดดขึ้น shuttle bus มาลงที่โรงงาน ในนิคม (ประมาณ ๕-๖๐ โล)

เราก็นึกว่าเป็นจุดจอดรถประจำเหมือนดรงงานทั่วไปในไทยที่จะมีจุดรับส่ง พอถามโรงแรมปรากฏว่าไม่มีใครเคยรู้ว่าไอ้โรงงานนี้มันมาจอดรับส่งที่นี่

ซวยละตรู ทำไงเนี่ย

พยายามจะไม่โทรกวนรีเซ็ปชั่นนิสต์ที่ให้เบอร์มาแบบไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องทำ

ปรากฏว่า อย่างที่คาด ชีปิดมือถือ

clip_image027

เราก็เปิดเมล์ ดูตรงซิกเนเจอร์ซึ่งแต่ละคนจะตั้งให้เขียนชื่อ เบอร์โทรเอาไว้ด้วยความขี้เกียจพิมพ์ ได้เบอร์มือถือฝ่ายบุคคลมาอีกสามเบอร์ เวียนโทรอยู่งั้น ก็ไม่มีใครรับ ให้ที่โรงแรมช่วยโทรเพราะระบบอัตโนมัติมันเป็นภาษาบ้านเขา ที่โรงแรมก็บอกว่าเขาปิดบ้าง ไม่รับบ้าง ติดต่อไม่ได้สักเบอร์

คือเราก็เข้าใจอ่ะนะ ว่าไม่อยากให้ติดต่อ แต่แหม คนเราก็นะ นี่มันเรื่่องงาน

ไอ้ครั้นจะให้ป้านั่งแทกซี่ หรือรถโรงแรมไปก็ท่าจะหมดตูด ไหลเหมือนกัน

สรุปว่าไม่รู้หมู่หรือจ่า วันจันทร์ว่ากันอีกที

ว่าจะทำตัวเป็นคนดี สวรรค์ช่างสร้างอุปสรรคทดสอบตะบะเรญาซะนี่กะไร

เอาวะ จะได้รู้ว่าเราออสการ์กับเขาได้ไหม

clip_image028

ยิ้มหวานๆไว้นะอีป้า

อยากย้อนไปเกิดซักสมัยเรเนซองส์

clip_image002

ป้าหล่ะเซ็งจิต มาติดเกาะอยู่ท่ามกลางสาวขาวหมวยสวยอึ๋มเอวคอดปานจะขาด

ถ้าเป็นผู้ชาย การมาทำงานโรงงานเวียดนามคงเป็นสวรรค์ทางตาประมาณหนึ่ง สาวๆแถวนี้ไม่รู้มีโครโมโซมคู่ใดไม่เหมือนสาวเอเชีย ทำไม๊ ทำไมปอดน้องมันถึงคาปาซิตี้ดีเกิดตัวได้ทุกคนขนาดนี้

clip_image003 clip_image005

คิดแล้วก็อยากจะย้อนไปเกิดไกลๆ (clip_image006เอ่อ คุณพี่ สูงวัยขนาดนี้ นี่ยังเกิดไม่ไกลอีกรึคระ)

สมัยที่สาวอวบ คัพ A ยังเป็นที่นิยม

Venus de Milo, circa 100BC

clip_image008

Renoir’s Bather with Long Hair

clip_image009

Botticelli’s Venus c. 1486

clip_image010

ฺงามแบบไม่ต้องห่วงถุงใต้ตา หรือ bad hair day

clip_image012 clip_image013

จนมาถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง (๗๐ ปี ที่แล้ว) สาวขาใหญ่ ไว้พุงนิดๆก็ยังได้รับความนิยม

Pin up girl สาวงามในอุดมคติ

Marilyn Monroe (til 1962)

clip_image015 clip_image017

แต่แล้ว สิ่งนั้นก็หายไป กลายเป็น Size 0 Society จนต้องให้หลายๆองค์กรมาย้ำเตือนกัน ว่าสวยไม่จำเป็นต้องผอมนะจ้ะ

clip_image019

clip_image021

clip_image023

อยากให้นิตยสารบ้านเฮามันได้จังซี้ ถึงจะถูกใจป้า

clip_image025

clip_image026

แต่อิฉันว่า อิฉันก็คงต้อง ได้ยินคำว่า “มาดาม โน ไซส์ ฟอร์ยู กันต่อไป

ฮ่วย เซ็งเด้อค่าเด้อ

 

หมายเหตุ ไม่มีรูปใดในหน้านี้ที่ข้าพเจ้าถ่ายเอง ขออนุญาตเจ้าของภาพมา ณ ที่นี้

กฏหมายแรงงาน สัญญาจ้าง etc.

ระหว่างนั่งรอเวลาให้มันผ่านไป มาหาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิพื้นฐานของลูกจ้างกันดีกว่า ข้อดีของการทำงานในประเทศสังคมนิยมคือมีกฏระเบียบโหดๆมากมาย กฏหมายที่เข้มงวดก็จะปกป้องลูกจ้างทั้ง locals และ Expatsไว้มากพอสมควร ก่อนไปทำงาน มาเข้าใจกฏหมายแรงงานพื้นฐานและการเสียภาษีสักนิดนะจ้ะ 

ก.ม.หลักๆที่ควรรู้

๑) Labour Code of Vietnam 1994 (Amended 2006 )
๒) the Law on Social Insurance, which became effective in 2007


สรุปคร่าวๆ แว่...

ถ้าจ้างงานเกิน ๓ เดือน จะต้องมีสัญญาจ้าง(Labor contract) เป็นลายลักษณ์อักษรตามรายละเอียดที่กฏหมายระบุ เช่นต้องแจ้งเงินเดือน วันหยุด ความเสี่ยงในงาน ชัดเจน  สัญญาจ้างจะเป็นแบบ
  • งานประจำ (ไม่มีวันสิ้นสุดสัญญา)
  • ระยะสั้น (12 - 36 เดือน )หรือ
  • เป็นการจ้างชั่วคราว (Seasonal & Temporary labor < 12 เดือน)  
หากมีสหภาพอยู่นายจ้างจะมีสัญญาจ้างกลางกับสหภาพ สัญญารายบุคคลจะมีสิทธิประโยชน์ต่ำกว่าสัญญาที่ทำกับสหภาพไม่ได้

ส่วนช่วงทดลองงาน (Probationary work periods) หรือการติดโปร จะมีหรือไม่ก็ได้ หากมีไม่ควรเกิน ๖๐ วันสำหรับพนักงานวุฒิปริญญา ๓๐ วันสำหรับวุฒิปวส. ปวช. และ ๖ วันกรณีไม่ระบุวุฒิ ระหว่างทดลองงานฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถบอกเลิกได้โดยไม่แจ้งล่วงหน้าไม่มีค่าปรับใดๆ แต่ปกติควรตกลงกันทั้งสองฝ่าย ล่วงหน้า 30-60 วัน
เมื่อรับเป็นพนักงานแล้ว หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้บอกเลิกสัญญา (Unilateral Termination ) ต้องแจ้งล่วงหน้า ๔๕ วันสำหรับสัญญาลูกจ้างประจำ, ๓๐วันสำหรับสัญญาระยะสั้นและ, ๓ วันสำหรับสัญญาจ้างชั่วคราว

สัญญาจ้างที่เกินกว่าสามเดือน ทั้งนายจ้างลูกจ้างต้องเข้ากองทุนประกันสังคม ( Social Insurance Fund) โดย
  • นายจ้างต้องจ่ายกองทุน 17% ของเงินเดือน (15%เป็นประกันสังคม  2% เป็นประกันสุขภาพ)
  • ลูกจ้างต้องจ่ายกองทุน     6% ของเงินเดือน (  5%เป็นประกันสังคม  1% เป็นประกันสุขภาพ)
  • ทุกๆสองปีนายจ้างต้องสมทบประกันสังคม เพิ่มอีก 1% จนครบ 18% ลูกจ้างก็ต้องสมทบเพิ่มอีก 1% จนครบ 8%
วันลา ทำงาน ๑๒ เดือนจะต้องมีวันลาอย่างต่ำ ๑๒ วัน หากทำงานที่อันตรายต้องได้มากกว่านี้ (อย่างต่ำ) ๑๔ วัน ได้วันลาเพิ่ม ๑ วัน ทุก ๕ ปี การใช้สิทธิลาจะคิดให้เป็น Pro Rate วันลาที่ใช้ไม่หมดเมื่อสิ้นปีนายจ้างต้องจ่ายคืนเป็นเงิน

วันลาป่วย หากเป็นพนักงานประจำ ลาป่วยได้ ๑๒  เดือน โดยค่าชดเชนระหว่างลาประกันสังคม (Social Insurance Fund.) จะเป็นผู้จ่าย ไม่ใช่นายจ้าง การลาป่วยเป็นทั้งที่เราป่วยกะลาเพื่อเฝ้าไข้ญาติที่อายุต่ำกว่า ๗ ปี

วันลาคลอด ๓-๖ เดือนใ ถ้าคลอดแฝด ลาเพิ่มได้ ๑ เดือนต่อลูกอีก ๑คน ระหว่างคลอดจะได้เงินเดือนเต็มจากบริษัท และได้ 1 เดือน จากประกันสังคม

ห้ามมิให้บริษัทเลิกจ้างพนักงานระหว่างการลา การเข้ารักษาอาการบาดเจ็บ/ป่วย ห้ามมิให้บริษัทเลิกจ้างลูกจ้างสตรีขณะที่ ๑)บุตรอายุยังไม่ถึง ๒ ขวบ ๒) แต่งงาน ๓) ตั้งครรภ์  ๔) ลาคลอด


การเลิกจ้างโดยสมัครใจ พนักงานประจำ ทั้งสองฝ่ายแจ้งล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า ๔๕ วัน ค่าชดเชย (severance entitlement) หากพนักงานทำงานเกิน ๑ ปี อยู่ในโครงการประกันการวางงาน unemployment insurance scheme) นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย ๑.๕ เดือนต่อหนึ่งปีที่ทำงาน

การเลิกจ้างจากปรับโครงสร้าง  พนักงานที่ทำงานเกิน ๑๒ เดือน มีสิทธิรับค่าชดเชย ๑ เดือนทุกๆหนึ่งปีที่ทำงาน ค่าชดเชยอย่างต่ำ ๒ เดือน

การลาออกโดยพนักงาน พนักงานที่ทำงานเกิน ๑๒ เดือน มีสิทธิรับค่าชดเชยเมื่อลาออกโดยมิได้ทำผิดระเบียบ

ค่าแรงขั้นต่ำจังหวัดต่างๆออกใหม่ทุกปี อากู๋เอานะจ้ะ

ก็ประมาณนี้

ป.ล. เซ็งเป็ด อีกละ โห โรงงานขอเพิ่มโปรเป็นตั้ง ๖ เดือน น่าสงสัยพฤติกรรมจริงๆ


แผนชั่วร้ายตอนย้ายบ้าน

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าป้ารีบเก็บของตามผู้ชาย..เอ๊ย! ย้ายมาทำงานเร็วมาก รีบจนไม่มีเวลาขนอะไร
[ เหอๆ จริงๆแล้ว ไม่มีตังค์ค่าขนของตะหาก เท้าความกระทู้ที่แล้ว]
ตอนนี้เลยต้องมาวางแผนชั่ว นั่ง list ของใช้ที่ต้องไปหาซื้อเอาใหม่ที่โน่น งบ ๖๐ ล้าน (๑ ล้านดอง ประมาณ ๕๐ เหรียญ) จะซื้อ ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม โคมไฟ โต๊ะ เก้าอี้ ไมโครเวฟ เตาอบ เครื่องตีไข่ เครื่องซักผ้า เตารีด ได้หมดยังไง

๑. ป้าตั้งปณิธานไว้ว่าจะหัดทำขนมไว้ขายแถวบ้านเพราะฉะนั้น จัดเครื่องตีไข่ (๙ล้าน) กะเตาอบน้อยๆมาเลย  [เพื่อนป้าคนไหนที่จำได้ว่าจะจ้างป้าเป็น shop manager โปรดอย่าลืมสัญญานะจ้ะ]


๒. นอนคนเดียว เอาให้เหนา หุ หุ ผ้าปูที่นอน ๑๐๐๐ เส้น หมอน ผ้าห่ม

๓. กินอะไรได้ตอนดึกๆ ไม่เดือดร้อน mini bar fridge, microwave

 

๔. ซักผ้ารีดผ้า อันนี้ต้องดูว่าหอพักมันมีเครื่องซักผ้าให้แ้ล้วป่าว แถวนั้นซักรีดราคาเท่าไหร่แต่เตารีดน่าจะต้องซื้อชัวร์ เครื่องซักผ้าแบบถูกๆแค่พอใช้

อะไรประมาณนี้ป่าวหว่า ยุ่งยากจังย้ายบ้านเนี่ย เฮ้อ