แซ่คนไทยในภาษาจีนกลาง

เวลาเพื่อนๆชาวเอเชีย เห็นหน้าตากะเหรี่ยงของป้าก็มักจะถามว่าพูดจีนได้มั้ย ชื่อแซ่อะไร เสียใจจริงๆที่ที่บ้านไม่ค่อยจีน ป้าเลยพูดไม่ได้แม้แต่คำเดียว แต่ความที่คนจีนในไทยมีเยอะมาก อาม่าป้าก็เป็นสาวจีน ทำให้คนไทยส่วนใหญ่จึงเติบโตคุ้นเคยกับวัฒนธรรมจีน หนังจีนชุด ตลอดจนหลายๆอย่างรอบตัวที่ใช้ชื่อภาษาจีนทับศัพท์ แต่เวลาคุยกับเพื่อนๆชาวจีน ป้าได้อธิบายกันจนเมื่อยมือเสมอ เหตุเพราะจากภาษาจีนในไทยที่เราคุ้นเคยมักเป็นสำเนียงจีนแต้จิ๋ว ไม่ใช่จีนกลางหรือกวางตุ้งที่อีเพื่อนฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลย์ ไต้หวันหรือจีนแผ่นดินใหญ่จะเข้าใจ ทำให้ชื่อแซ่หรือสิ่งของต่างๆที่เราคุ้นมันไม่ค้นสำหรับเจ้าของภาษาทั้งหลาย จนต้องมาช่วยป้าแกะว่ากวนอู เตียวหุย เห้งเจีย หรือ หลิวเต๋อหัวเนี่ยเธอเรียกว่าอะไร ไล่ไปถึงชื่อแซ่ สกุลของป้านี่ภาษาจีนกลางเขาอ่านว่าไง


ก กก กกก กกกก


ขงเบ้ง (孔明: Kǒngmíng) โจโฉ (曹操; Cáo Cāo) จิวยี่ (周瑜; Zhōu Yú) จูล่ง (子龙; Zǐlóng)





เห้งเจีย/ซุนหงอคง( 行者, Xíng Zhě )/孙悟空,Sūn Wùkōng), ซัวเจ๋ง (沙僧; Sha Wujing); ตือโป๊ยก่าย ( 猪八戒; Zhū Bājiè)

ก๊วยเจ๋ง ( 郭靖,Guo Jìng) อึ้งย้ง (黃蓉,Huáng Róng) อืม รูปที่ใช้ชักเป็นกระทู้ระบุวัย ไม่ post ดีกว่า อิอิ


วันนี้ว่างๆเลยไป copy & paste เรื่องชื่อแซ่จีนในสำเนียงจีนกลางจากคุณหมิงเย่มาเก็บไว้ในไดอารี่เสียก่อน วันหน้ามีคนถามจะได้ตอบชื่อแซ่ตัวเองได้โดยไว อิอิ



ประวัติการอพยพออกนอกประเทศของชาวจีน ....คนจีนกวางตุ้ง จะคุ้นเคยกับพวกฝรั่งตะวันตกมาแต่ไหนแต่ไร เนื่องจากกวางตุ้งเป็นเมืองเปิดทางการค้า ฝรั่งเรียก Canton ....เพราะฉะนั้น เวลาอพยพ คนกวางตุ้ง เลยเลือกเดินทางข้ามทะเลไปอเมริกาหรือยุโรป....ดังนั้น China town ในอเมริกาหรือยุโรปจึงใช้ภาษากวางตุ้ง ......ส่วนจีนฝูเจี้ยน( ฮกเกี้ยน ) ก็อพยพไปไต้หวัน หรือไม่ก็ลงใต้มาฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย พวกที่อยู่มาเลย์ ภายหลังอพยพมาอยู่ภาคใต้ของไทย...( ทำให้ภูเก็ตมีบะหมี่ฮกเกี้ยน ร้านอร่อย) ...ส่วนจีนในไทยเป็นกลุ่มที่มาจากซันโถว( ซัวเถา ) และบริเวณรอบๆ ที่เป็นเช่นนี้เพราะ มีคนจีนแต้จิ๋วอยู่ในเมืองไทยมาตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่โชคดีที่จีนแต้จิ๋วค้าขายเก่ง เพราะถิ่นอาศัยเดิมที่จีนอยู่ปากแม่น้ำ ต่างจากจีนแคะ ที่ถิ่นอาศัยเดิม อยู่ต้นน้ำ จึงไม่ถนัดค้าขาย แต่จีนแคะจะชำนาญเรื่องเครื่องหนัง โดยเฉพาะการทำรองเท้า
ทั้งภาษากวางตุ้งและภาษาแต้จิ๋ว จัดเป็นภาษาจีนท้องถิ่น ( Dialect )…… ภาษากวางตุ้ง ( Cantonese ) คือภาษาจีนที่คนจีนที่อาศัยอยู่ที่เมืองกวางเจาและเมืองที่อยู่บริเวณรอบๆกวางเจา ( รวมทั้งฮ่องกงและมาเก๊า ) ใช้พูดกัน ……ส่วนภาษาแต้จิ๋ว ( Chaozhouhua ) เป็นภาษาของคนจีนที่อาศัยอยู่แถวๆเมืองฉาวโจว (เตวี่ยจิว ) และเมืองซานโถว ( ซัวเถา ) พูดกัน …เมืองทั้งหมดที่กล่าวมาอยู่ในมณฑลกวางตุ้งทั้งสิ้น……..ทุกคนถือว่าเป็นคนกวางตุ้ง แต่บางคนพูดภาษากวางตุ้ง บางคนพูดภาษาแต้จิ๋ว ขึ้นกับว่าเขามีพื้นเพอยู่แถบใด …เมืองที่พูดภาษาแต้จิ๋วจะอยู่ทางตะวันออกของมณฑลกวางตุ้งใกล้ๆกับมณฑลฝูเจี้ยน สำหรับคนมณฑลฝูเจี้ยน ก็จะพูดภาษาฮกเกี้ยน แตกต่างไปอีกค่ะ
10 แซ่จีนที่คุ้นหูสิบอันดับแซ่ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในไทยได้แก่
1. 张 ( Zhang1 ) จาง แซ่จาง ( เตีย )
2. 王 ( Wang2 ) หวัง แซ่หวัง ( เฮ้ง )
3. 陈 ( Chen2 ) เฉิน แซ่เฉิน ( ตั๊ง, ตั้ง )
4. 蔡 ( Cai4 ) ไช่ แซ่ไช่ ( ฉั่ว )
5. 秦 ( Qin2 ) ฉิน แซ่ฉิน ( ชิ้ง )
6. 吴 ( Wu2 ) อู๋ แซ่อู๋ ( โง้ว )
7. 赵 ( Zhao4 ) เจ้า แซ่เจ้า ( เตี๋ย )
8. 郑 ( Zheng4 ) เจิ้ง แซ่เจิ้ง ( แต่, แต้ )
9. 许 ( Xu3 ) สี่ว แซ่สี่ว ( โค่ว, โค้ว )
10. 谢 ( Xie4 ) เซี่ย แซ่เซี่ย ( เจี่ย )
1.ตั้ง (เฉิน) 84,829 คน
2.ลิ้ม (หลิน) 74,719 คน
3.ลี้ (หลี่) 49,291 คน
4.อึ้ง (หวง) 44,485 คน
5.โง้ว (หวู) 33,533 คน
6.โค้ว (สวี่) 31656 คน
7.เตียว (จาง) 31,246 คน
8.แต้ (เจิ้ง) 25,922 คน
9.เล้า (หลิว) 25,346 คน
10.เฮ้ง (หวาง) 17,821 คน

Coco Lee ( Li Wen -李 玟) , Jet Li ( Li Lianjie-李连杰) , Bruce Lee นี่ก็ใช่ แซ่หลี่ ในภาษาจีนกลางคือ " หลี่ -李 " และเป็นแซ่เดียวกันกับ " แซ่ลี้ " ในบ้านเรา....นอกจากนี้ก็ยังเป็นแซ่เดียวกันกับแซ่ " Yi" ของคนเกาหลี และ แซ่ " Ly " ของคนเวียดนามค่ะ

ส่วนแซ่ " คู " (ชิวในภาษาจีนกลาง Qiu2, Khu, Kau ) เป็นแซ่อันดับที่ 151 มีต้นกำเนิดมาจากเมืองโจวโข่ว 周口 มณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดแซ่ตั้ง แซ่โอ๊ว แซ่เห่ และแซ่เล้ง เมืองนี้มีความเกี่ยวข้องกับกษัตริย์เหยียนตี้ ปฐมกษัตริย์ตามตำนานจีนโบราณ ซึ่งมีการขุดค้นพบสุสานจักรพรรดิ์ไท่โฮ่วหลิงอายุกว่าสามพันปีทางเหนือของอำเภอฮว่ายหยาง ทำให้อนุมูลได้ว่าตระกูลดังกล่าวข้างต้นเป็นตระกูลเก่าแก่แต่โบราณ

แซ่ชิวมี 2 สาย เขียน และ แต่เดิมคือ 丘 ตัวเดียวกัน ต่อมาเพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังสับสนเข้าใจว่าเป็นแซ่ที่สืบสกุลมาจากขงจื๊อ (ขงจื๊อ 孔子แซ่ข่ง 孔 ชื่อชิว丘) จึงใช้ตัวเขียนเป็น   แปลว่า หลุมศพ,ซากปรักหักพัง,ใหญ่โต,ว่างเปล่า ปัจจุบันแซ่ชิวมีที่มา ๔ สายหลักๆ คือ

ภาพวาดเจียง จื่อหยาตกปลาที่ริมฝั่งแม่น้ำเว่ยสุ่ย และได้พบกับ โจวเหวินหวัง๑. มาจากแซ่เจียงซึ่งเป็นทายาทโดยตรงของเจียงไท่กง 姜太公, Tai Gong Wang) หรือเจียงจื่อหยา (姜子牙: Jiāng Zǐyá ) นักปกครองนักกลยุทธการทหารที่ยิ่งใหญ่ ๑ ใน ๒ ของจีน นักยุทธศาสตร์คนสำคัญของโจวเหวินหวังและโจวอู่หวังที่ได้โค่นราชวงศ์ซางลง และสถาปนาราชวงศ์โจวขึ้น ในครั้งนั้นเจียงไท่กง ได้รับแคว้นฉี (Qí)ไปปกครอง ต่อมา โจวเฉิงอ๋องได้ยกเมืองอิ๋งชิงแก่หลื่อซางซึ่งได้ใช้คำว่าชิวเป็นชื่อเมืองและชื่อต้นตระกูลโดย ชิวมู่ เป็นต้นตระกูลในแคว้นชิว และใช้แช่ ชิว มาแต่บัดนั้น บุคคลแซ่ชิวที่มีชื่อเสียงในอดีต
ชิวชู่จี ปฐมาจารย์แห่งลัทธิเต๋าสำนักประตูมังกรในสมัยราชวงศ์หมิง
ชิวจุ้น เสนาบดีฝ่ายพิธีการและราชบัณฑิตในราชวงศ์หมิง

๒. มาจากแซ่ ซื่อ
๓. มาจากแซ่กุย
๔.มาจากชนกลุ่มน้อยที่หันมาใช้แซ่ชิว

ชาวแซ่ชิวส่วนใหญ่กระจายตัวในมณฑลเสฉวน (ราว ๕๐%) หูหนาน หูเป่ย กวางตุ้ง

นอกจากคนทั่วไปแล้ว รู้หรือเปล่าว่าสมเด็จพระเจ้าตากก็ทรงมีชื่อจีนด้วย คนไทยเชื้อสายจีน มีการเรียกพระนามตามภาษาจีนแต้จิ๋วว่า แต่อ่วงกง หมายถึง กษัตริย์ชาวแต้จิ๋วที่ได้รับการเคารพบูชา
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระราชนามข้อมูลแก่ “หมอสมิธ” ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีชื่อเรียกขานกันในหมู่ชาวจีนว่า เตีย ซิน ตัด หรือ เตีย ซิน ตวด ซึ่ง “เตีย” คือ แซ่แต้ “ซิน” คือ สิน “ตัด” คือเมืองตาก และยังมีชื่อที่ปรากฏว่า เจิ้งกว๋ออิง แปลว่า เจิ้งวีรบุรุษของประเทศตามหลักฐานจีน พระราชบิดาชื่อ เจิ้ง หยง สำเนียง แต้จิ๋วว่า “แต้” หรือชื่อ แต้หยง หรือนายหยง แซ่แต้ จากอำเภอไฮ้ฮง หรือจีนกลางว่า ไห่เฟิง เป็นอำเภอที่อยู่ล่างสุดและเล็กที่สุดของซัวเถาอาชีพหลักคือค้าขาย อพยพมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา......เจิ้งหยงแต่งงานกับหญิงไทย ชื่อนกเอี้ยง (ระบุนามในหนังสือเดิมที่เขียนในเมืองจีนว่า ลั่วยั้ง หรือ นางนกยาง) ก่อนเสด็จรับราชการเคยทรงประกอบอาชีพค้าขายต่อจากพระราชบิดา และยังมีหลักฐานที่ส่อว่าเคยทรงเป็นพ่อค้าเกวียน ทรงรับสั่งได้คล่องแคล่ว ทั้งจีนแต้จิ๋ว จีนกวางตุ้ง และจีนฮกเกี้ยน

ในการเจริญสัมพันธไมตรีและค้าขายกับจีน.....พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีต่อมาอีก 5 รัชกาล ก็ทรงใช้ “ แซ่แต้ 郑 เป็นพระนามต่อเนื่องจากพระเจ้ากรุงธนบุรี ดังปรากฏในราชสาส์นที่มีไปยังประเทศจีนและตราพระราชลัญจกรภาษาจีน....ดังนี้

พระเจ้ากรุงธนบุรี ………… ทรงใช้พระนามว่า แต้เจียว 郑昭
รัชกาลที่ 1………………… ทรงใช้พระนามว่า แต้ฮั้ว 郑华(鄭華) จีนกลางออกเสียงว่า “เจิ้งหัว” 
รัชกาลที่ 2………………… ทรงใช้พระนามว่า แต้หก 郑佛
รัชกาลที่ 3………………… ทรงใช้พระนามว่า แต้ฮุด 郑福
รัชกาลที่ 4 …………………ทรงใช้พระนามว่า แต้เม้ง 郑明

รัชกาลที่ 5………………… ทรงใช้พระนามว่า แต้เจี่ย

พระราขลัญจกรแบบจีน ที่ใช้ประทับในพระราชสาส์น ไปจีนในสมัย ร.1- 4 มีตราอูฐทอง 1 อูฐหยก 1 มังกรหก 1 ช้างหมอบ 1 หาข้อมูลได้จากหนังสือชื่อ พระราชลัญจกร ปกสีน้ำเงิน มีรูปพระราขลัญจกรประจำแผ่นดินทองคำ อยู่กลางปก หรือดูตัวอย่างได้ในงานนิพนธ์ชุดสมบูรณ์ของ ศ.พระยาอนุมานราชธน หมวดเบ็ดเตล็ด-ความรู้ทั่วไปเล่มที่ 4 ชุดความรู้เรื่องต่างๆ (ซึ่งมีย่อยอีก 4 ตอน)เป็นจดหมายโต้ตอบกันระหว่างสมเด็จกรมพระยานริศรานุวัติวงศ์กับพระยาอนุมานราชธน ประมาณตอน 2-3 จะมีการกล่าวถึงพระราชลัญจกรอันที่ใช้ไปเจริญทางพระราชไมตรีกับจีนทุกแบบทุกรัชกาล (มีตัวอย่างตราเป็นภาพขาวดำ)




ดูตราประทับของพระนางซูสีไทเฮา


ที่น่าสนใจอีกเรื่องก็คือ…..สายสัมพันธ์ของคนจีนกับราชสำนักไทย…( มีเจ้าจอมมารดาหลายท่านและในหลายรัชกาลที่เป็นลูกสาวคนจีน) ….แสดงให้เห็นว่าคนไทยยอมรับในความแตกต่างทางเชื้อชาติ มาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ รวมทั้งพระมหากษัตริย์ไทยก็ทรงสนับสนุน การแต่งงานระหว่างคนจีนและคนไทย เพื่อให้เกิดความกลมกลืนทางเชื้อชาติ และความสามัคคีปรองดอง


สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี.jpg
เจ้าฟ้าบุญรอด


เริ่มจากเจ้าฟ้าบุญรอดหรือกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระราชินีในรัชกาลที่2 และเป็นพระราชชนนีในรัชกาลที่4 ….พระองค์เป็นพระธิดาของกรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ ( พระพี่นางเธอในรัชกาลที่1 )… ส่วนพระชนกคือเจ้าขรัวเงิน…..เจ้าขรัวเงินเป็นบุตรเศรษฐีจีนแซ่ตัน ( จีนฮกเกี้ยน )
นอกจากนี้ รัชกาลที่2 ยังมีบาทบริจาริกา ( สนม ) ที่เป็นลูกสาวเจ๊สัวจีนอีก 4 ท่านคือ
1.เจ้าจอมมารดาปราง ธิดาของเจ๊สัวบุญเกิดจากสกุลโหงว ( จีนแต้จิ๋ว )
2.เจ้าจอมมารดาอำภา ธิดาของเจ๊สัวอินจากสกุลหลิม ( นิยะวานนท์ ) – (จีนฮกเกี้ยน )
3. เจ้าจอมยี่สุ่น ธิดาของเจ๊สัวเริกจากสกุลหลิม ( ไกรฤกษ์) -(จีนฮกเกี้ยน )
4. เจ้าจอมพลับ ธิดาเจ๊สัวเต็กจากสกุลตั้ง ( สมบัติศิริ )- ( จีนแต้จิ๋ว )
ว่ากันว่าท่านใดท่านหนึ่ง คงเป็นที่มาของคำกาพย์ในรัชกาลที่ 2 …บทที่ว่า
***** สายหยุดพุดจีบจีน เจ้ามีสินพี่มีศักดิ์
ทั้งวังเขาชังนัก แต่พี่รักเจ้าคนเดียว*******
ในรัชกาลที่5 ทรงมีเจ้าจอมมารดาที่เป็น ลูกคนจีน คือ เจ้าจอมมารดาอ่วม ธิดาของเจ๊สัวยิ้มหรือพระยาพิสณฑ์สมบัติบริบูรณ์ ( จีนฮกเกี้ยน ) ผู้ขุดคลองภาษีเจริญ เจ้าจอมมารดาอ่วมเป็นเจ้าจอมมารดาของกรมพระจันทบุรีนฤนาถแห่งราชสกุลกิติยากร ซึ่งก็คือสมเด็จปู่ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลปัจจุบันนั่นเอง
ที่กล่าวมาเป็นสายสัมพันธ์ของคนจีนและคนในราชสำนักสยาม แต่ครั้งก่อน…….ครั้นล่วงมาปัจจุบัน ในยุคสมัยที่เงินตราและศักดินามีความสำคัญไม่แพ้กัน …..เราจึงยังเห็นความสัมพันธ์ของ“ จีน” และ “เจ้า ”อยู่เช่นเดิม หากแต่สถานการณ์เปลี่ยนไปตรงข้าม…มักจะพบว่า การเกี่ยวดองจะเป็นแบบพี่มีสิน ( หนุ่มจีนทายาทเศรษฐี ) กับเจ้ามีศักดิ์ ( สาวเชื้อพระวงศ์ ) ปรากฏให้เห็นอยู่เนืองๆ
เชื่อหรือยังคะว่าแต่ไหนแต่ไรมา จีนกับเจ้านั้น…คู่กันค่ะ : )


(” สำเภาสยาม….ตำนานเจ็กบางกอก” ผู้แต่ง พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร)


รู้ไว้ใช่ว่าพอสังเขปละกัน


邱孔蓓1

Big Tokyo Quake Forecast by 2016

January 23, 2012, 7:10 PM JST                    By Yoree Koh

Tokyo University researchers said there has been a more-than-five-fold jump in the number of earthquakes measuring magnitude 6 or below in the Tokyo area since March 11. In all, there have been 577 earthquakes registering a magnitude-5 or above in Japan from March 11 to the end of 2011, about four times the average annual amount logged between 1996-2005, according to the JMA

the more small tremors there are, the greater the probability a devastating one will hit.

บ

http://www.japanquakemap.com/?lang=jp

Researchers at Tokyo University’s Earthquake Research Institute said there’s a 70% probability the long-feared “big one” 7+ quake will hit the southern Kanto region, which includes Tokyo’s neon-lit jungle, by 2016. It’s an ominous consequence of last year’s game-changing magnitude 9.0 earthquake, the most powerful recorded to hit Japan. University researchers now say the odds of Tokyo or outlying suburban areas getting hit with such a powerful quake in 30 years are now 98%.

The last big quake to hit Tokyo was the Great Kanto earthquake, a magnitude-7.9 jolt that struck on Sept. 1, 1923. About 105,0000 were killed in the Tokyo metropolitan area, many of which were caused by crumbling houses and fires that quickly engulfed the city. Officials say stricter building codes and new technologies developed over the years would curb significantly the toll.

kanto1923kpgv imagesCABAVHB6

imagesCACSRNTR imagesCAZ7EP3B

Foods That Are Most Prone to Radioactive Contamination

นมสด โดยเฉพาะนมแพะ แกะ
raw-milk goat chees

Milk is particularly sensitive to the effects of a radioactive fallout

Raw milk is one of the foods that are most likely to become contaminated by radioactive iodine as livestock feeds on grass which is particularly prone to radioactive contamination during nuclear disasters. Goat's milk and sheep's milk appear to be particularly sensitive to contamination as goats and sheep feed on plants that have a low water (are more concentrated). Goat's milk and sheep's milk have been reported to contain approximately 10 times the concentration of radioiodine found in cow's milk.

The contaminated milk was found in Fukushima Prefecture on farms about 20 miles from the damaged nuclear reactors. Japanese food safety and health officials reported that the iodine-131 (I-131) found in the tested milk was up to five times the level the government considers safe.

 

ผักขม, ตั้งโอ๋, ผักกาดหอม และ Leeks

spinach at high risk of radioactive contamination Tang Ho Puerro_ecologico

Spinach and other leafy vegetables and herbs can directly capture radioactive substances from the air. Cabbage and other leafy vegetables that do not have leaves spread out may be less likely to collect large amounts of particles from the air.

The radioactive spinach in Japan was found in Ibaraki Prefecture on farms 60 to 90 miles from the ravaged nuclear power plants. The level of radioactivity found in the tainted spinach, if consumed for one year, would equal about one-fifth of radiation received in a CT scan (a CT scan is a compressed series of X-rays used for medical tests). Also garland chrysanthemum in Chiba Prefecture has been found to contain elevated levels of iodine 131.

Mushrooms

 imagesCAE4RISW imagesCASUGQGRm

As of March 21, 2011, Japanese health and food safety officials have reported abnormal levels of radioactive substances in milk, spinach and garland chrysanthemum (and slightly elevated levels in drinking water in some areas). However, there are a number of other foods that are particularly prone to becoming affected by radioactive substances released by faulty nuclear power plants. Wild  Mushrooms, which use absorption to obtain nutrition from the atmosphere, are prone to accumulating radioactive substances such as cesium-134 (134 Cs), cesium-137 (137 Cs) and other radionuclides. Cesium-134 has a half-life of approximately 2 years, while cesium-137 has a half-life of 30 years! Radiocesium can damage human DNA and ultimately result in cancer.

Berries

 delicious fresh berries in a row imagesCAC3YYUO

bilberries, cranberries, cloudberries, blackberries and wild strawberries. As the half-life of cesium-137 is 30 years, berries contaminated by this radioactive substance are still found in certain regions in Europe. However, in most cases, the level of radioactivity detected is very low.

อันนี้ไม่ได้กล่าวถึงกุ้งหอยปูปลาเท่าไหร่ แต่ถ้าดูคอนเซปท์แล้ว สาหร่ายทะเลก็ท่าทางจะโดน

Seaweed from the coast of Japan – brown macroalgae in particular – could present a concern, according to Dr. Fisher. He explains that it takes up iodine at a level that is 10,000 times more concentrated than it is in sea water. This seaweed is harvested mostly to extract alginate, which is an additive used in products like toothpaste and ice cream.

tuzki-emoticon-024

ไปญี่ปุ่นตอนนี้ถ้าไม่กลัวผีควรกลัวอะไร

ออกตัวไว้ก่อนเลย ว่าป้าไม่ใช่ไม่กลัวผี แต่ปกติสำหรับคนมีหน้าตาเป็นอาวุธ ป้าว่าไปญี่ปุ่นตอนนี้ ผีอาจจกลัวป้า  hehehe

icon_cool แบร่                                                                             hamano-kumiko

Besides อีกไม่กี่วันก็จะครบ 1ปี 3.11 ป้าว่า ทุกท่านน่าจะหาทางกลับบ้านหรือไปสู่แดนสุขาวดีกันหมดแล้ว อันนี้ เทียบจากสถิติเมืองไทย 1 ปีหลังสึนามิ เราก็กลับไปเที่ยวเขาหลักกันแล้ว

แต่จะบอกว่า สิ่งที่น่ากลัวไม่น้อยกว่าผีเพราะมองไม่เห็นเหมือนกัน

1) กัมมันตภาพรังสียังมีอยู่ไหม ขึ้นไปเที่ยวทางเหนือได้ไกลแค่ไหนถึงยังปลอดภัย

JAPAN%20RADIATION testing-radiation-levels--007

อย่างแรก โตเกียว (200km จากจุดเกิดเหตุ) และแม้กระทั่งนิกโก้ อยู่นอกเขตกัมมันตภาพแม้ว่าจะไปเมื่อตอนเกิดเหตุปีที่แล้ว ถ้าหากคุณไม่ได้เข้าไปในระยะ 30 km จากโรงไฟฟ้า อันนี้สามารถเข้าออกได้โดยไม่อยู่ในการควบคุม ความเข้มของกัมมันตภาพรังสีจะลดลงเป็น Exponential ตามระยะทางนะจ้ะ

Japan_earthquake_map_NEWS isplot

ปัจจุบัน ( มีนา ๒๕๕๕) ระดับกัมมันตภาพรังสีในเมืองใหญ่ๆของญี่ปุ่นได้ลดลงสู่ระดับปกติ ไม่แตกต่างจากเมืองใหญ่อื่นๆในโลกที่ใช้เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์และแม้แต่ในกทม.(0.046 μSv/h) หรือเชียงใหม่ (0.059 μSv/h) ลมประจำถิ่นของญี่ปุ่นนั้นพัดออกนอกชายฝั่ง ฝุ่นกัมมันตรังสีถูกพัดไปอเมริกามาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา

JapanRadiation

Radiation%2003062012 

สนง.ปรมาณูเพื่อสันติแนะนำว่า หากความเข้มเกิน 1 ไมโครซีเวิร์ตนี่ออกมาเดินเที่ยวไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นค่าปัจจุบันซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ 20 เท่า ไม่น่ากังวลใจ หากว่าคุณเที่ยวที่เซนได 2 อาทิตย์ รับรังสี  0.060 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง x 24ชั่วโมง x14 วัน = 20 ไมโครซีเวิร์ต 

X ray ครั้งหนึ่งเราได้รับรังสีประมาณ 0.3-0.6 mSv ( 300-600 ไมโครซีเวิร์ต )

อันตรายกรณีได้รับรังสีสูงในระยะเวลาสั้นๆ จะสังเกตผลได้ก็ต่อเมื่อรับรังสีเกินกว่า 250 mSv ( 250,000 ไมโครซีเวิร์ต ) เม็ดโลหิตลดลงชั่วคราว หากยังได้รับอยู่จนระดับ 500 mSv จึงจะเริ่มคลื่นไส้ อ่อนเพลีย

จะเห็นว่า ถ้าเราไม่เข้าไป Site Visit แถวเตาปฏิกรณ์ Fukushima Daiichi -ซึ่งเขาคงไม่ยอมให้คุณเข้าไป-คุณไปเที่ยวญี่ปุ่นได้แน่นอน

2) อิฉันโปรดปรานซุชิ อยากไปกินแบบ nama nama ของทะเลกินแล้วปลอดภัยไหม

 fav_menus_sashimi_imagefull_1301349711wasabi1_wide

เอ่อ กัมมันตภาพไม่เหมือนเชื้อโรค อาหารสุกไม่ได้มีรังสีน้อยกว่า เพราะฉะนั้นการกินปลาดิบไม่ได้มีความเสี่ยงสูงกว่าวาซาบิ นมสด ชอคโกแลตสดหรืออาหารปรุงสุกแต่อย่างใด หากท่านกำลังกังวลว่าปลาเหล่านั้น มีแหล่งอาหารเป็นผู้ประสบภัยหรือไม่ โปรดเข้าใจว่าซากปรักหักพังและผู้สูญหาย หากยังไม่ย่อยสลายตามธรรมชาตินั้น ขณะนี้น่าจะไปเที่ยวไกลถึง Hawaii แล้ว เพราะฉะนั้นโปรดอย่านึกถึงภาพปลาไหลหลังเมรุหรืออะไรทำนองนี้

Japan Earthquake debris2

แต่หากว่ากังวลว่าอาหารหรือแหล่งอาหารได้รับการปนเปื้อนแล้ว กัมตภาพรังสีจะสลายตัวหรือยังอันนี้พอเข้าใจ

imagesCAW7Q272 

การที่โรงไฟฟ้าต้องใช้น้ำทะเลจำนวนมหาศาลในการลดอุณหภูมิเตาปฏิกรณ์ไม่ให้หลอมละลาย ตลอดจนซากปรักหักพังดินทรายที่ปนเปื้อนรังสีและถูกคลื่นซัดลงทะเลไป ทำให้มีความกังวลถึงการควบคุมมวลน้ำ โคลน ดินปนเปื้อนรังสีที่ก่อให้เกิดการสะสมในแพลงตอนและสัตว์น้ำในแปซิฟิก ซึ่งในที่สุดก็จะกลายมาเป็นซูชิที่เรากินอยู่ได้

ปกติกัมตภาพรังสีจะลดไปครึ่งหนึ่งทุกช่วงเวลาหนึ่ง เรียกว่าครึ่งชีวิต Half Life  โดยสารกัมมันตรังสีแต่ละชนิดมี Half Life แตกต่างกันไป เช่น ไอโอดีน131 มีครึ่งอายุ 8 วัน ถ้าเก็บเป็นเวลา 40 วัน จะเหลือรังสี(พลังงาน)เพียง 3 % แต่บางตัวมีครึ่งอายุค่อนข้างนาน เช่น โคบอลท์-60 มีครึ่งอายุ 5.2 ปี,
ถ้าต้องการให้เหลือพลังงาน 3% ต้องเก็บนานถึง 25 ปี ส่วนแร่ซีเซียม-137 มีครึ่งอายุ 30 ปี ต้องใช้เวลานานถึง 150 ปี จึงจะเหลือพลังงาน 3%

เมื่อเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับกัมมันตภาพรังสี เราจะตรวจหาปริมาณการปนเปื้อนในอาหาร จากสารกัมมันตรังสี 3 ชนิดคือ ไอโอดีน131 (Iodine-131) ซีเซียม 137 (Cesium-137) และซีเซียม 134 (Cesium-134) โดยหน่วยวัดปริมาสารกัมมันตรังสีใน เครื่องดื่มหรือของเหลวจะใช้หน่วย "เบคเคอเรลต่อลิตร" ส่วนอาหารหรือของแข็งจะมีหน่วยเป็น "เบคเคอเรลต่อกิโลกรัม"

ซึ่งการตรวจวัดค่าสารกัมมันตรังสีในน้ำทะเลรอบโรงไฟฟ้าล่าสุดพบซีเซียม-137 ที่ระดับ 3.3 Bq/L (โดยรัฐบาลญี่ปุ่น ก็ฟังหูไว้หูละกัน)

กระทรวงสาธารณสุข กำหนดมาตรฐานการเปื้อนสารกัมมันตรังสีในอาหาร ได้ไม่เกินปริมาณ

(๑) ไอโอดีน-131                                   ไม่เกิน 100 Bq/kg หรือ Bq/l
(๒) ซีเซียม-134 และซีเซียม-137  รวมกันไม่เกิน 500 Bq/kg หรือ Bq/l

untitled

สรุปว่า อยากกินก็กินได้ แต่อย่ากินปลาวันละเป็นตัน (เห็นฉันเป็นก๊อดซิลล่าหรือไง)

อย่าไปกินพวกสองหัว สามตา เรืองแสงได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารุ่นแม่มีการสะสมกัมมันตภาพรังสีจนก่อให้เกิดการกลายพันธ์นะจ้ะ

three-eyed-fish images

ถ้ากินไปแล้วเริ่มicon_sad ก็ให้หยุด แค่นั้นแหละจ้ะ

อันสืบเนื่องมาจากข่าวพื้นที่ประสบภัย

หลายวันก่อนมีข่าวเกี่ยวกับการพื้นที่แถบเซนได มิยางิที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิปีที่แล้วว่า การฟื้นฟูเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องจากเริ่มมีการพบเห็นดวงวิญญาณของเหยื่อแผ่นดินไหว-สึนามิในพื้นที่ประสบภัย จนทำเจ้าหน้าที่ไม่กล้าลงไปฟื้นฟู ทั้งที่ภัยพิบัติดังกล่าวผ่านพ้นมานานเกือบ 1 ปี

Nearly 4,000 people were killed when the tsunami struck the Japanese city of Ishinomaki

ฟังข่าวแล้วก็ให้มานึกว่า แม้เทคโนโลยีจะล้ำนำหน้าสักแค่ไหน ความเชื่อพื้นฐานเรื่องชีวิตหลังความตายของคนเอเชียก็ยังไม่หลีกหนีกันไปนัก ตอนเหตุเกิดที่บ้านเรา ทุกศาสนาต่างร่วมกันจัดพิธีกรรมมากมาย เพื่อช่วยในแง่จิตใจของทั้งคนอยู่และคนไปว่าเราทำทุกอย่างเพื่อนำทางให้วิญญาณได้ไปสู่สุขคติภพอย่างราบรื่น เราอยู่ทางนี้ แม้จะเป็นพุทธก็คนละนิกาย ไม่มีความรู้ถึงพิธีกรรมของชาวญี่ปุ่นในการส่งวิญญาณ แต่ก็ขอให้วิญญาณทุกดวงอย่าได้หลงทาง หรือเป็นห่วงอะไร

Rest in Peace