ชีวิตผ่านไปไวเหมือนโกหก แป๊บๆก็มาถึงวันเสาร์อีกแล้ว ภารกิจพิชิตอพาร์เม้นท์ของป้าในวีคที่สองที่ไซ่ง่อนมาได้เริ่มขึ้น (ไม่ใช่อะไร คือไม่ไหวจะตาก ก.ก.น. ตามโคมไฟอีกแล้ว ฉันจะต้องมีระเบียงและแสงแดดเป็นของตัวเองให้ได้โดยเร็ววัน)
ว่าแล้วก็นัดคุณเอเจนท์ ว่าจะไปดูเขต ๗ กัน เขต๗เป็นเขตแรงงานชาวเอเชียไกลทั้งหลาย ไล่มาตั้งแต่จีน ไต้หวัน เกาหลี จนลงใต้มาฟิลิปปินส์ มาเลย์ etc.ซึ่งก็อยู่แฟลตตึกปูนๆนอกเมืองติดกับนิคมที่ทำงานอยู่น่ะแหละ
เขตนี้สำหรับป้ามันดูสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว ใกล้โรงงาน ประชากรหลักคือคนทำงานแรงงานต่างด้าวด้วยกัน ส่วนใหญ่พูดภาษาปะกิด ร้านรวงจึงมีพนักงานที่พูดปะกิดได้ ขายของเอเชียๆ มันอาจจะดูแห้งๆ โดดๆอยู่กลางทุ่งเป็นอิมแพคเมืองทอง แต่ค่าเช่าและสาธารณูปโภคก็ยังรับได้มากกว่าการอยู่ในเมืองเป็นไหนๆ (อันนี้ก็ไม่ไปเทียบกับย่านเขต๒ที่ไฮโซ และ expat ฝรั่งเขาอยู่กันที่อพาร์ทเมนท์หลักพันเหรียญ หรืออยู่วิลล่าเป็นหลังๆ)
แต่ก็นะเพื่อนๆในนแผนกต่างก็ให้คำแนะนำว่าอยู่ในเืมืองนี่ยูจะได้สัมผัสกับความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่นนะ ยูมาถึงนี่จะไม่ซึมซับชีวิตแบบไซ่ง่อนไปบ้างเหรอ อยู่เขต ๗ มันก็เหมือนอยู่ที่บ้านนั่นแหละ
เอ่อคุณคะ อิฉันเนี่ย เกิดเซ้าท์อีสต์เอเชียเลยค่ืะ ชีวิตแบบเดินดินกินข้าวแกงข้างทาง ตากฝนขึ้นรถเมล์เนี่ย เป็นมาแต่เกิดแล้วค่ะ อิฉันเลือกอยู่ใกล้โรงงาน ค่าเช่าไม่แพง ไม่โดนโกงเวลาพูดภาษาเขาไม่ได้ดีกว่าค่ะ
ว่าแล้วก็เริ่มต้นด้วยการกินกินกิน ตุนพลังงานไว้ตามเคยเพราะเอเจ้นท์บอกว่าวันนี้ก็มีสิบที่ให้ดู อาหารหลักป้าจะเดิมๆ เนื้อสัตว์ ผักหญ้า ตบด้วยมูสลี่ไฮโซ
ขนมปังโฮลเกรน ปาดเนย ทับแยม ทาพีนัทบัตเตอร์ เอาให้ไขมันจุกอกตาย ตามด้วยขนมท้องถิ่น ไอ้ตัวสามเหลี่ยมรสเหมือนลูกเต๋าแต่หนืดๆหน่อย ส่วนไอ้ตัวที่คล้ายตะโก้ก็รสชาติเหมือนขนมมัน แต่แข็งโป๊ก แทบจะกัดไม่ขาด รวมๆกะว่าจะไม่หยิบขนมแบบนี้อีก
ทำไงได้ ป้าก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อขนมพื้นๆ
(เคยแต่ขุดเผือกขุดมันเก็บลูกหว้าตามใต้ต้นไม้กิน)
อุปสรรค ๑
กินเสร็จปรากฏว่า เอเจ้นท์เบี้ยวซะงั้น โทรมาเลื่อนนัดบอกติดลูกค้าอีกรายเป็นผู้จัดการที่โรงงานเราแหละ เผอิญเขาอยากได้ห้องราคา ๒๐๐๐ เหรียญ (จ๊าก) เลยจะพาเขาดูก่อน เลื่อนนัดเราจาก ๑๐ โมง เป็น ๓ โมงครึ่ง
อืม นะ ก็เข้าใจแหละว่านายหน้าก็จะได้เป็น % จากค่าห้อง แต่น้องเข้าใจวินัยในวิชาชีพไหมเนี่ย
พอใกล้เที่ยง ฝนตั้งเค้า ชักไม่ดีละ พอบ่ายก็เริ่มตกหนัก เอเจ้นท์ก็โทรมาบอกว่าอาจไปไม่ได้ (คือต้องซ้อนท้ายมอไซน้องไป แล้วมันก็ ๑๙ กิโล อ่ะ)ถ้าฝนยังไม่หยุด ป้าก็เลยบอกว่าถ้ามาก็บอกเราแล้วกัน
พอถึงเวลาฝนก็หยุด เขาส่งน้องอีกคนมาแทน พูดปะกิดไม่ค่อยได้ แต่โดยรวมก็โอ สองฝั่งช่วยกันแบ๊ะๆกันไป น้องมาแต่ตัวบอกว่านึกว่าป้าจะมีหมวกกันน็อคส่วนตัว อืม นะ อิฉันจะมีได้ไง สองคนก็เลยเริ่มต้นด้วยการไปหาซื้อหมวกกันน็อคก่อน
ตึกแรก ฮวงอันยาไล
อันนี้อยู่ริมถนนไฮเวย์เลย ตรงข้ามบริษัทน้ำมัน ตึกใหม่โล่งๆ ห้องนอน รับแขกติดระเบียง
ห้อง 100 ตารางเมตร ๒ นอน ๒ น้ำ LDK ราคาชั้นหก $๕๕๐ ชั้น๒๔ คิด $๖๐๐
ต้องจ่ายค่าส่วนกลางอีก ๕๐๐๐๐๐ ดอง (ค่าสระว่ายน้ำ)
น้ำ ($๑๐) ไฟ ($๒๐) เน็ต ($๒๕) เคเบิล ($๕) เคเบิล รวมๆก็ต้องอีก ๕-๖๐ เหรียญต่อเดือน
จากระเบีบงเห็นบริษัทปิโตร กับ ฟูหมี่ฮึง
Living – Dining อยู่กลางบ้าน ผังจัดโล่ง
มุมทำกับข้าว ซักตากอยู่ด้านใน เจาะปล่องออกกลางคอนโด ห้องน้ำกลาง
นอนหนึ่ง และก็ห้องน้ำในตัว
นอนสอง
อีกห้องนี่ ไม่ได้ถ่ายรูป เพราะห้องนี่ผู้เช่าคนเก่ากำลังเก็บของอยู่ เปิดเข้าไปเสื้อกล้าม กางเกงในยังกองๆอยู่เรย เป็นชายนักกล้ามชาวเกาหลี เดาจากกิมจิในตู้เย็น กะตัวหนังสือบนถังวิตามินเพาะกล้ามขนาด ๑๒ ลิตรของพี่เขา
หน้าตาดีนะนี่ ไม่น่าเพาะกายเลยพับผ่าสิ
ออกมาจาก HAGL ก็รีบเข้าฟูหมี่ฮึง เพราะฝนทำท่าตั้งเค้าอีกแล้ว จะพ้นไหมตรู
อุปสรรค ๒
ยังไปไม่ถึงไหนดีฝนเม็ดเป้งๆก็ตกลงมาซึ่งป้าก็ถามว่าไหวไหม เราหลบข้างทางก่อนดีไหม เวลาขี่มอไซฝ่าฝนเม็ดใหญ่ๆนี่มันเจ็บหน้ามาก ขนาดว่าหน้าป้าก็ด้านประมาณนึงแล้วนะ ป้าน่ะไม่กลัวฝน แต่น้อง canon ixy กะน้อง BB เห็นท่าจะไม่ชอบน้ำ น้องเอเจ้นท์ได้ฟังดังนั้นก็ควักถุงพลาสติกมาให้ป้าคลุมไว้ ตัวเองก็ใส่เสื้อฝนบึ่งต่อไป
อืม นะ
ฝ่าฝนต่อไปสักอึดใจฝนมันก็ตกหนักมาก เร็วมาก น้ำท่วมถนน แล้วสิ่งที่ป้าคิดในใจเงียบๆก็เกิดขึ้น
อุปสรรค ๓
แมงกะไซมันตายเด้อค่ะเด้อ ฮ่วย !
คือ ตายหมู่มาก ดับกันกลางถนนสี่ห้าคันเพราะน้ำเข้า ป้าล่ะ อยากควักกล้องมาถ่ายไว้ แต่กลัวความซวยที่สี่จะมาเยือนคือกล้องพังเลยต้องลงมายืนข้างๆให้กำลังใจน้องสาวสตาร์ทรถ ซึ่งยังไงก็ไม่ติดแล้วเราก็เล็งกันว่าจะเข็นไปหลบไหนกันดี แล้วแถวนั้นก็ทุ่งมากไม่มีที่ให้หลบฝนหรือใครให้โบกอะไร ไม่รู้จะทำไง
เคราะห์ดีที่ป้าเกิดมาหน้าตาดี มีพี่มอไซคันนึงขี่ผ่านไปแล้วคงเตะตาความงามท่ามกลางสายฝนของป้า
เลยขี่มอไซย้อนสอนกลับมาช่วย ช่างมีน้ำใจ
แต่จะตีนน้องเอเจ้นท์หรือพี่มอไซ ยังไงมอเตอร์ไซฮ่าง ( subtitle โทรมๆเจ๊งกะบ๊ง) ของป้าก็สตาร์ทไม่ติด
พี่ฮีโร่ก็เสนอว่าเอางี้ พี่เมคคานิคเก่า ขับรถดันเรือบินมานักต่อนักแล้ว เดี๋ยวน้องขึ้นนั่งเลยพี่จะขี่มอร์ไซพี่ดันให้ไปถึงอู่ข้างหน้า
โอ้วววว สุดยอด
คือมันเป็นระบบขับเคลื่อน ๑๕๐ ซีซีที่ทรงพลังมาก เจ้นั่งซ้อนท้ายพี่มอร์ไซ ให้น้องเอเจ้นท์เข็นรถขึ้นสะพานนำไปก่อนแล้วน้องก็ขี่รถไหลลงสะพานมา แล้วพี่มอร์ตะไซเขาก็ขับตาม ยื่นเท้ายันขวาไปยันที่เหยียบของคนซ้อนท้ายรถน้องเอเจ้นท์ที่นำหน้า ส่งผ่านแรงขับกันไปจังซั่นจนเข้าเขตชุมชนไปเจอร้านปะยางข้างทางเข้าจนได้ (รู้สึกว่าจะเขต ๙ เลย)
Again อยากถ่ายรูปให้เห็นแต่มันก็ควักก้องไม่ได้ ฝนแรงเกิ้น
แล้วพี่มอร์ตะไซก็ปล่อยป้าไว้กลางสายฝน ขับย้อนศรหายไป
ไม่รู้ไปช่วยใครต่อหรือเปล่า ป้าล่ะซึ้งน้ำใจจริงๆ มาช่วยกันเวลาเดือดร้อนนี่
ว่าแล้วป้าก็ข้ามถนนวิ่งมาหลบก่อน น้องเอเจ้นท์เข็นมอร์ไซตามติดๆ สังเกตดูจะเห็นว่าใส่กระโปรงและส้นสูง น้ำท่วมฟุตบาตขึ้นมาแล้ว
ซ่อมๆๆ สักพักก็สตาร์ทติด แต่ฝนก็ยังไม่หยุด น้ำก็ยังไม่ลด ลงไปอีกก็คงจะดับ
ค่ำหน่อยฝนเริ่มซา ก็เริ่มออกเดินทางต่อ
อุปสรรค ๔
พอเราออกตัวกันได้ก็รีบไปยังจุดนัดพบให้เร็วที่สุด ปรากฏว่า ป้ายังไม่หาย lucky ไปถึงแล้วก็ติดต่อใครไม่ได้ เพราะเจ้าของอพาร์เม้นท์ที่ปล่อยเช่าก็ติดฝน เลยตัดสินใจไม่เข้ามาที่ฟูหมี่ฮึงตามนัด
ฮ่วย
อุตส่าห์ฝ่าฝนมาถึงนี่ ทั้งสามตึำำกที่มีตึกละที่สองที่ไม่มีใครเข้ามาเลย
อันนี้ก็ต้องเข้าใจว่าการจราจรในไซ่ง่อนนี่ คนทั่วไปก็แมงกะไซเป็นหลัก ฝนหนักขนาดนี้จะให้ขี่มอร์ไซออกนอกเมืองมันก็กระไรอยู่ ก็ต้องเข้าใจกันว่าเป็นกรรมของป้าเอง
เป็นนางเอกนี่ช่างต้องผ่านมรสุม (นกเต็น) เยอะแยะมากมาย
แต่น้องเอเจ้นท์ก็ไม่ยอมแพ้ บอกพี่ หนูมีหนึ่งที่น่าอยู่มาก มันอาจจะ ๖๕๐ เหรียญแต่พี่ไปดูมั๊ยไหนๆก็มาถึงที่แล้ว
ซึ่งป้าก็ไม่ขัดศรัทธา ไปก็ไป
ตึกสอง ฝูหมี่
ตึกนี้จากข้างนอกดูดีมาก สงบ โล่ง กว้าง ลมโกรก ทางเดิน ลิฟท์ประตูต่างๆทำดี สวยงาม ออกจะเงียบและมืดไปหน่อยสำหรับเวลาค่ำๆ อาจจะยังไม่เปิดไฟเพราะ ไม่ถึงเวลา แล้วฝนตกก็ทำให้ครึ้มกว่าปกติด้วย
ตึกสามเป็นตึกที่มีห้องที่เราจะดูอยู่ชั้น ๑๐ กับตึกสองห้องชั้นกราวด์มุมสวน คอร์ทเทนนิส
ขึ้นไปบนตึก ฮอลเวย์มืดมาก ป้า น้องเอเจนท์โทรหาเจ้าของห้องอีก กลัวจะไม่อยู่ แต่แล้วประตูก็เปิดออกเจ้าของห้องบอกว่ารออยู่เหมือนกัน เชิญดูห้องได้เลย
แท่น แท่น แท้น
เอ๋ อะไร ยัง ไมมันมืดไปหมด
อุปสรรค ๕
โก เทือง อาม่าเจ้าของห้องแจ้งให้ทราบว่า ตะกี้ฝนตกหนัก หม้อไฟมีปัญหา การไฟฟ้าเลยตัดไฟ (หรือไฟดับ) เขตนี้ทั้งโซน เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดมาก่อน ไม่ต้องตกใจ มันไม่ได้เกิดบ่อย
อืม นะ
แล้วทำไม๊ ทำไมต้องมาดับไฟกันวันที่ฉันมาดูห้องล่ะเนี่ย อุตส่าห์พยายามมาถึงขั้นนี้แล้วเชียว
ด้วยความที่ไม่มีเทียนมีไฟอะไร ป้าก็เลยได้แต่ถ่ายรูปไป อาศัยระยะ ๒ วิชั่วแสงแฟลชดูว่าห้องหน้าประมาณไหน
อพาร์ทเมนท์นี้ ๙๐ ตรม ป้ารู้สึกว่าใหญ่กว่าที่แรกที่บอกว่า ๑๐๐ ตารางอีก จัดตกแต่งสวยงาม มี ๒นอน ๒น้ำ LDK ระเบียงซักตากผ้าเล็กๆ ตกแต่งไว้งามดีมาก สนนราคา ๖๕๐ เหรียญบวกค่าส่วนกลาง น้ำ ไฟ เน็ต เคเบิ้ลอีกเดือนะ ๕๐ เหรียญเป็น ๗๐๐ จ้า
Dining ซ้ายมือ
ขวาเป็นแพนทรี้ เปิดประตูขวามือเป็นระเบียงซัก ตากผ้าเล็กๆ ตู้เย็นใหญ่ปะเฮิ่ม
รับแขกติดกระจกมองเห็นวิวไปไกล มีบาร์เหล้า ตู้เก็บจานชาม กั้นส่วนรับแขกเมื่อมองจากประตูเข้ามา
ห้องนอนหนึง กำังเก็บของออก
ห้องนอนมาสเตอร์ ห้องน้ำในตัว
ห้องน้ำที่โกเทืองนำเสนอ มีอ่างอาบน้ำ กับตู้นนวด อืม ไฮโซจริงๆ
ที่นี่ดีทุกอย่างและราคาโอเคมากสำหรับสภาพห้องกับของที่ให้ จะเสียก็หนักอย่างเดียวคือไกลจุดรับส่งมาก (ซึ่งก็เป็นโซนที่มีซุปเปอร์ด้วย) ต้องนั่งรถไป ๑๕ นาทีโดยเป็นรถสาธารณะที่มาจากเขตอื่น
กลับออกมาเจอ รปภ รอบ๊าย บ๊ายท่ามกลางความมืด ป่าวหรอกเขากลัวยัยกะเหรี่ยงสองตัวเนี่ยจะมาแอบจิ๊กของตอนไฟดับเลยมาเช็คก่อนออกไป
แล้วป้าก็ซ้อนท้ายน้องเอเจ้นท์บึ่งมอร์ไซกลับเข้าเมืองท่ามกลางฝนปรอยๆ
บรรยากาศข้างทางในฟูหมี่ฮึงเขต ๗ จะเป็นตึกๆ บนถนนกว้างๆ สัญญาณจราจรเรียบร้อย เหมือนเป็นหมู่บ้านใหญ่ๆแห่งหนึ่ง หน้าตาใกล้เคียงเมืองไทย
ถนนไม่แออัด ขวักไขว่เหมือนในเมือง ร้านอาหาร convenience store ตามริมถนนมีอยู่เรื่อยๆ
อันนี้ออกมาแล้ว ข้ามสะพานมาเข้าสู่เขต ๔ ซึ่งถือว่าเป็นเขตมาเฟียเก่า จะเป็นผับ บาร์แบบโบๆหน่อย ข้ามสะพานอีกทีก็กลับสูเขตหนึ่ง ที่ป้าพักอยู่
จบทริปอีกหนึ่งวัน ไม่ค่อย productive เพราะยังไม่ได้ดูบ้านเลย
ขอบคุณที่กรุณาอ่านเรื่องบ่นๆ ของป้านะจ้ะ ขอจบด้วยป้าตอนห่อพลาสติกตากฝน กับน้องเอเจ้นท์ที่หอบหิ้วกันฝ่าฝนมา
น้อง Soaker ที่วันนี้ชุ่มโชกจริงๆ
แล้วก็ไม่มีอะไรจะสบายตัวเท่าการได้อาบน้ำอุ่นๆหลังจากนั่งมอร์ไซตากลมเย็นๆ ทั่วเมือง เปลี่ยนใส่ชุดนอนซักสะอาดๆรีดเรียบ ๆ แล้ว..ฮึ
What!!! ค่าซักรีด ๘ ชิ้น ๗ แสน
อะจ๊าก เมื่อไหร่ฉันจะมีระเบียงตากผ้าของตัวเองนี่
จนกว่าจะถึงอาทิตย์หน้า ราตรีสวัสดิ์พี่น้องชาวไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น